ที่มารูปภาพ: https://www.widerightnattylite.com/2018/6/10/17427852/100-things-cyclone-fans-should-forget-before-they-die-tim-floyd-to-the-bulls
หลังจากฤดูกาลที่ 97-98 จบลง ฟันเฟืองภายในทีมของชิคาโกบูลส์เปลี่ยนแปลงไปเกือบทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่กุนซือคนสำคัญอย่างฟิล แจ็คสัน ที่ไม่ได้รับการต่อสัญญา และอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า จอร์แดนประกาศรีไทร์หลังจากฤดูกาลนี้ ทำให้มีการปรับเปลี่ยนภายในทีมเยอะมาก นำมาสู่ความทรงจำที่ไม่ดีนักในฤดูกาลถัดมา
ฤดูกาล 98-99 ชิคาโกทำผลงานทีมได้ย่ำแย่มากถ้าเทียบกับเมื่อสามฤดูกาลก่อนหน้า พวกเขาจบฤดูกาลด้วยสถิติ ชนะ 13 แพ้ 37 รั้งบ๊วยของโซนเซ็นทรัล ดิวิชั่น และยังรั้งบ๊วยของโซนตะวันออกอีกด้วย ไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จกันเลยสำหรับฤดูกาลนี้ เพราะพวกเขาไม่ได้เข้าแม้แต่รอบเพลย์ออฟ อะไรกันที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมตกต่ำขนาดนี้? ผู้เขียนขอพาทุกท่านเริ่มย้อนรอยครั้งสำคัญที่นำไปสู่เส้นทางของการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
- 13 มกราคม 1999 จอร์แดนรีไทร์ออกจาก NBA
- 15 มกราคม 1999 ทีมจ้างทิม ฟลอยด์ เข้ามาเป็นเฮดโค้ชแทนที่ของฟิล แจ็คสันที่ไม่ได้รับการต่อสัญญา
- 21 มกราคม 1999 ทีมปล่อยตัวเดนนิส ร็อดแมน และเทรดสตีฟ เคอร์ สู่สเปอร์สเพื่อแลกกับ ชัค เพอร์สันและสิทธิ์ดราฟท์
- 22 มกราคม 1999 ทีมเทรดสก๊อตตี้ พิพเพ่น สู่ฮิวส์ตัน ร็อคเกตเพื่อแลกกับรอย โรเจอร์สและ สิทธิ์ดราฟท์
- 23 มกราคม 1999 ทีมเทรดลุค ล็องลีย์ สู่ฟินิกส์ ซันส์เพื่อแลกกับมาร์ค ไบรอันท์ และผู้เล่นอีกสองคนพร้อมสิทธิ์ดราฟท์
พอเห็นการเปลี่ยนแปลงของทีมขนาดนี้ แฟนชิคาโกคงจำได้ว่าฤดูกาลนั้น ตัวหลักเหลือเพียงแค่ โทนี คูค็อช, รอน ฮาร์เปอร์ และบิล เวนนิงตัน ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนทีมขนาดนี้ย่อมเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ของผู้บริหารที่กล้าเสี่ยงที่จะสร้างทีมใหม่แทบยกชุดจากประวัติศาสตร์เดิม และพวกเขาทำให้เห็นแล้วว่ายากมากกับการกลับไปสู่ตำแหน่งสูงสุดอีกครั้งจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
ฤดูกาลนี้มีคูค็อชเป็นผู้นำทีมหลักก็ว่าได้ จบฤดูกาลเฉลี่ยลงเล่นไป 37.6 นาที 7 รีบาวนด์ 5.3 แอสซิสต์ 1.1 สตีล 0.3 บล็อกต่อเกม ตามมาด้วยเบรนท์ แบร์รี่และรอน ฮาร์เปอร์ที่พอเป็นตัวประสานเกมได้และสถิติสูสีกัน และจากการเข้ามาของทิม ฟลอยด์ก็นับว่าไม่ตอบโจทย์ในการเอามาแทนที่ของฟิล แจ็คสันมากนัก เมื่อเขาพาทีมจบสถิติรั้งบ๊วยของทั้งดิวิชั่นและของสายตะวันออก ชิคาโกเป็นทีมใน NBA ที่เขาเข้ามาคุมทีมแรก เพราะก่อนหน้านั้น เขามีประสบการณ์ในการคุมทัพในลีก NCAA เท่านั้น และแม้ทีมจะมีบิล คาร์ทไรท์ อดีตผู้เล่นของทีมที่ได้มาเป็นผู้ช่วยโค้ช แต่ก็ไม่สามารถช่วยพาทีมประสบความสำเร็จได้อย่างที่เคยทำมากนัก
แมทช์ที่ทุกคนไม่ลืมในฤดูกาลนั้น คงหนีไม่พ้นเกมในฤดูกาลปกติ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 1999 ที่พวกเขาเปิดรังยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ต้อนรับไมอามี่ ฮีท และเกมนั้นกลับสร้างความพ่ายแพ้อันน่าอับอายมาสู่ทีมมาก เมื่อพวกเขาแพ้ไมอามี่ไป 82-49 นับเป็นทีมที่ทำแต้มได้ต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีกฎกติกา 24 วินาที ณ ขณะนั้น เกมนั้นพวกเขาทำแต้มได้ไม่ถึง 20 แต้ม/ควอเตอร์ และควอเตอร์แรกพวกเขาตามอยู่ถึง 23-8 ผู้เล่นท็อปสกอร์เกมนั้นต่ำอย่างน่าแปลกใจ คือ คอร์เนล เดวิดที่ทำได้เพียง 13 แต้มเท่านั้นและตามด้วยคูค็อชที่ 10 แต้ม ฟิลด์โกลพวกเขาทั้งเกมอยู่ที่ 23.4% จากการยิง 77 ครั้ง และไม่มีฟิลด์โกลจากสามแต้มเลยแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสามแกนสำคัญอย่างจอร์แดน, พิพเพ่นและร็อดแมน หรือยอดโค้ชคนสำคัญอย่างฟิล แจ็คสัน จะเป็นเฟืองชิ้นสำคัญที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จมากมาย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทีมต้องมาถึงวันที่มีการเปลี่ยนแปลงไม่วันใดก็วันหนึ่ง และแฟนชิคาโกเองก็ยังต้องตามเชียร์พวกเขาต่อไปในฐานะส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ทีมสร้างประวัติศาสตร์มากมาย แม้ปัจจุบันชิคาโกอาจไม่ใช่ทีมที่รั้งอันดับต้นเหมือนแต่ก่อน แต่แน่นอนว่าเมื่อมองขึ้นไปยังเพดานของสนามยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ พวกเขาก็จะได้เห็นประวัติศาสตร์มากมากที่ถูกสร้างขึ้นที่นี่ เสื้อผู้เล่นที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จมากมายหลายสมัย และความทรงจำมากมายที่เกิดขึ้นกับที่แห่งนี้ และจะตอกย้ำ
แฟนบาสทั่วโลกว่าพวกเขาก็เป็นอีกหนึ่งทีมที่เคยผ่านความสำเร็จมากมาย
บทความโดย: No…n